ช่วงนี้เห็นกระแสการกลับมาใช้ฟิล์มสีบันทึกภาพค่อนข้างแรงเลยทีเดียว โดยเฉพาะฟิล์มสี แต่สุดท้ายภาพที่เอามานำเสนอกันในเว็บ ต้องทำการสแกนมาเสียก่อน ซึ่งมันก็กลายเป็นดิจิตอลอยู่ดี ทีนี้ก็เกิดปัญหาถกเถียงกันทั้งเรื่องสีสัน และคอนทราสขึ้นมา ซึ่งมองว่าปัญหาเกิดจากการล้างฟิล์มบ้าง หรือการสแกนบ้าง หรือ เป็นเพราะตอนถ่ายผิดพลาดเอง เรื่องนี้เดี๋ยวค่อยมาวิเคราะห์กันครับ ไปดูกันก่อนว่าเมื่อก่อนงานล้างอัดภาพยุคฟิล์มครองโลกเป็นยังไงกัน
ผมจะขอเล่าตามประสบการณ์ที่ทำงานกับฟิล์มสี ตั้งแต่การล้างฟิล์ม ไปจนถึงการขยายรูปที่ผมเคยทำแลปรูปด่วนให้ฟังกันนะครับ ตั้งแต่ที่ผมเป็นเด็กเห็นตาทำ พ่อทำ จนมาถึงผมทำเอง
ยุคแรกที่เห็นผู้ใหญ่เค้าทำกัน จะขยายรูปด้วยหัวสีในห้องมืดครับ แล้วเอากระดาษที่ขยายแล้วออกมาล้างต่อในห้องมืดอีกห้อง ดัดแปลงเอาพีวีซีมาทำเป็นตะแกรง งอกระดาษแต่ละใบเข้าคล้ายๆ ขนมเบื้อง เสียบๆ ลงไปในตะแกรงแล้วจุ่มลงน้ำยาที่แยกไว้เป็นถังๆ ครบเวลาและน้ำยานำออกมารันน้ำ เช็ด ใส่เครื่องอบ
ส่วนฟิล์มก็จะคล้ายๆ กันครับ โหลดใส่รีล แล้วจุ่มน้ำยาตัวหนึ่งย้ายไปตัวสอง ครบเวลาเอาลง Fixer พอใสได้ที่ก็รันน้ำเช็ดอบเหมือนกัน (ผมไม่ค่อยเข้มงวดกับเวลาในการลง Fixer นะครับ ใช้ตาดูเอาถ้ามันใสปิ๊งแล้วไอ้ที่ขุ่นๆหายไปหมดเป็นใช้ได้ ถ้ารู้สึกว่ามันเริ่มนานเกินไปกว่าจะใส ก็เสริม Fixer เพิ่มเข้าไป)
เครื่องตัวต่อมาเป็นของ Durst เครื่องในฝันกันเลยล่ะครับ นั่งปรินท์ข้างนอกห้องมืดเหมือนกันแต่ตัวเครื่องต้องเจาะใส่กับห้องมืดเพราะใส่กระดาษเอาไว้ในตู้ด้านหลังเครื่อง รุ่นนี้ใส่กระดาษเป็นม้วน เค้าเรียกกันว่าปรินท์เป็นเส้นพอปรินท์เสร็จต้องเข้าไปตัดกระดาษส่วนที่ปรินท์แล้วออก แล้วเอาไปป้อนเข้าเครื่องล้างกระดาษอีกที พอรูปโผล่ออกจากเครื่องล้าง ยังต้องเอาไปรันน้ำ เช็ดเข้าเครื่องอบ แล้วตัดเป็นใบๆอีกที เริ่มตัดขั้นตอนการล้างกระดาษในห้องมืดออกไปแล้วล่ะครับ สบายมาอีกหน่อย
ตัวผมเองได้มาอัดขยายรูปจริงๆ จังๆ ก็ในช่วงของมินิแลปครับ เครื่องมินิแลปจะมีหัวอัดต่อเชื่อมกับเครื่องล้างกระดาษเบ็ดเสร็จ เป็นยุคของอุตสาหกรรมถ่ายภาพจริงๆ ที่ขนาด 4x6 สามารถอัดได้ 1500 ใบต่อชั่วโมงทีเดียว ยี่ห้อเครื่องหลักๆ ก็จะมี Fuji, Kodak/Noritsu, Copal, Agfa, Konica แต่ละยี่ห้อนี่ล่ะครับที่มันเกิดความแตกต่างขึ้นมา
ฟิล์มแต่ละตัวจะมี Character ไม่เหมือนกันอยู่แล้วที่เด่นชัดสุดเป็นเรื่องของ Contrast กับความอิ่มสี เรียกง่ายๆว่าตัวไหนสีสดกว่ากัน แต่เครื่องอัดรูปนี่ล่ะครับมีผลอย่างมากเลยกับรูปที่ได้ออกมา เครื่องแต่ละยี่ห้อจะมีโทนสีและคอนทราสเฉพาะตัวมากๆ อย่าง Fuji นี่สีจะออกหวานๆ นิ่มๆ ซึ่งผมชอบมากที่สุด แต่เครื่อง Kodak/Noritsu นี่คอนทราสจะแข็งๆ หน่อยและเอกลักษณ์คือสีจะอมแดงๆ กับ Magenta หน่อยๆ ส่วน Konica นี่ผมว่าให้สีออกมากลางๆ ดี แต่รูปไม่ค่อยมีสเน่ห์เท่าไหร่คือสวยแต่ไม่สุดๆ อันนี้จากประสบการณ์ตรงที่ได้ใช้มาสามยี่ห้อนะครับ ยี่ห้ออื่นไม่ออกความเห็น
มาดูที่กระดาษที่เราใช้กันบ้าง หลักๆบ้านเราก็ Fuji, Kodak, Konica, Mitsubishi แล้วก็พวกกระดาษจีน แต่ละยี่ห้อก็จะมีรุ่นถูกรุ่นแพงอีก สิ่งที่ต่างกันก็คือความหนา ความทน ผิวของกระดาษไหนเรียบเนียนแน่นกว่ากัน เบสกระดาษอันไหนขาวกว่ากัน สีดำของใครลงได้ดำลึกกว่ากัน ส่วนคอนทราสผมว่าไม่ต่างกันอย่างที่แยกแยะได้ชัดเจน สีอาจต่างกันเรื่องความสดความอิ่ม แต่อย่างที่บอกครับสีที่แตกต่างมาจากยี่ห้อเครื่องชัดเจนกว่า อันนี้หมายถึงว่าต้องคุมคุณภาพน้ำยาให้ได้ตามมาตรฐานนะครับ
ทีนี้บริษัทฟิล์มที่มืออาชีพ ฟิล์มทุกรุ่นทุกตัวเค้าจะมีฟิล์มไว้เทสสีให้ ทางช่างเรียกกันว่าฟิล์มตาไก่ เครื่องอัดแบบมินิแลปจะต้องเทสสีฟิล์มแต่ละยี่ห้อแต่ละรุ่นเก็บเป็นความจำไว้ในเครื่อง ยุคนั้นผมว่ามีไม่ต่ำกว่าสิบตัวมาตรฐานที่ร้านต้องทำ การเทสสีเราก็จะใช้ฟิล์มตาไก่นี่ล่ะครับ ฟิล์มพวกนี้จะมาจากฟิล์มแต่ละยี่ห้อแต่ละรุ่นถ่าย Test Shot มาคล้ายๆ รูปด้านล่างนี่ล่ะครับ (ฟิล์มแต่ละยี่ห้อฟิล์มเบสจะสีต่างกัน ถึงแม้ยี่ห้อเดียวกันคนละรุ่น รุ่นเดียวกันคนละความไวแสง ก็สีต่างกันแล้วครับ)
ไฟล์สำหรับ Test Print จาก Kodak |
หรือประมาณนี้
โดยจะถ่ายพอดีเรียกว่า Normal แล้วโอเวอร์ +1 และ +2 และมี Under -1 และ -2 เพราะฟิล์มพอหนาบางไม่เท่ากันเราต้องลดหรือเพิ่มเวลาฉายแสง ซึ่งมีผลกับกระดาษทำให้สีเพี้ยนได้อีก ในการเทสสีช่องฟิล์มแต่ละชนิดต้องทำให้ละเอียดเราเรียกว่า Slope ของสี
เวลาเทสสีนี่นะครับช่างก็จะต้องทำให้สีเทาเป็นเทา สีขาวเป็นขาว ละก็เชค Skin Tone ด้วย ไม่ให้มันอมสีใดสีหนึ่งโผล่ขึ้นมา ทีนี้ล่ะครับฟิล์มแต่ละตัว Character ของสีเป็นยังไงถึงจะบอกกันได้ แต่อย่างที่ผมว่าไว้คือเครื่องปรินท์มีผลกับสีเหมือนกัน เพราะบางทีได้ขาว ได้เทาแล้ว แต่เครื่องแต่ละยี่ห้อก็สียังไม่เหมือนกัน พวก Kodak/Noritsu นี่อมแดงๆ ชัดเจนครับ
ภาพจากอินเตอร์เน็ด |
ภาพจากอินเตอร์เน็ด |
ลองเอาภาพตัวอย่างมาให้ดูนะครับ ขาวได้ขาวแล้วแต่สีผิวยังอมแดงๆ นิดๆ เลยนะครับ ที่พูดมานี่คืออยากจะบอกว่าฟิล์มแต่ละตัวแต่ละรุ่นเนี่ย Under หรือ Over สีก็เปลี่ยนแล้ว ยิ่งตอนนี้ฟิล์มต้องถูกสแกนเป็นดิจิตอล เรื่องสแกนสำคัญมาก สแกนมาแล้วเราต้องแก้สีก่อนนะครับ ดูส่วนที่เป็นสีเทา หรือสีขาวเช่นเมฆ เราต้องแก้ให้สีที่อมติดมาหายเสียก่อน สีมันดิ้นได้ครับกับฟิล์ม เราคนทำไฟล์คือทำให้ขาวเป็นขาว เทาเป็นเทา ถึงเรียกว่าได้รูปที่สีถูกต้องครับ สีส่วนอื่นที่เหลือมันไหลไปทางไหนก็ปล่อยไปตามเบสฟิล์มล่ะครับ ส่วน Contrast พอเป็นไฟล์ดิจิตอลก็ดึงกันได้เยอะกว่าเมื่อก่อนที่ขยายตรงลงกระดาษครับ ถ้าฟิล์ม Under นี่ขยายลงกระดาษคอนทราสตกเยอะครับเพราะต้องลดเวลาฉายแสงลง พวกถ่ายฟิล์มสียุคก่อนถึงถ่ายให้ติด Over นิดๆ เพราะตอนขยายเราจะได้ฉายแสงนานขึ้น คอนทราสดีขึ้นสีอิ่มมากขึ้นครับ ทีนี้คงพอเข้าใจภาพรวมกับการทำงานฟิล์มมากขึ้นนะครับ
อ้อ เดี๋ยวนี้เน้นสแกนถ่ายพอดีหรืออันเดอร์นิดๆ จะดีกว่าครับเพราะ Scanner ชอบฟิล์มแบบนี้มากกว่า โปรแกรมที่ใช้สแกนอีกครับ แต่ละโปรแกรมสแกนเนกาทีฟเฟรมเดียวกันยังสีต่างกันเลย แต่เอาเทคนิคที่บอกไปใช้กันได้ครับ ขาวต้องขาว เทาต้องเทาครับ ไว้ว่างๆ วันหลังมาคุยเรื่องการสแกนกันบ้างดีกว่าครับ
ตั้งตารอเรื่องการแสกนเลยครับ ^^
ReplyDelete